สิ่งของที่ต้องเตรียม

1. อาหารและน้ำ

ไม่แนะนำ ให้เปลี่ยนอาหารหลังจากย้ายบ้าน เนื่องจากลูกสุนัขอาจจะมีอาการท้องเสียจากความเครียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

แนะนำ ให้มีน้ำวางไว้ตลอดเวลา ส่วนอาหารให้กินตามที่ฟาร์มให้ก่อนและค่อยๆ เปลี่ยนค่ะ โดยลูกสุนัขให้กิน 4 มื้อจนถึง 4 เดือน และ 4 เดือนถึง 1 ปีให้กิน 3 มื้อต่อวัน หลังจาก 1 ปีให้กิน 2 มื้อต่อวันค่ะ ***ข้อแนะนำ หากลูกสุนัขเมินหรือไม่สนใจอาหารหลังจากประมาณ 15 นาทีให้เก็บชามขึ้นและให้ในมื้อถัดไป ทำเป็นประจำให้สุนัขรู้ว่าถ้าไม่กินอาหารจะหิวจนมื้อถัดไปค่ะ

(หากเว้นระยะมื้ออาหารนานเกินไปลูกสุนัขอาจจะมีภาวะน้ำตาลต่ำซึ่งน้ำตาลหรือกลูโคสเป็นแหล่งพลังงานที่ทำให้สมองทำงานอย่างต่อเนื่องได้ และหากขาดกลูโคสเป็นระยะเวลานานจะทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ค่ะ โดยมื้ออาหารที่เปลี่ยนไปก็เป็นผลมาจากที่ลูกสุนัขเริ่มพัฒนาระบบเก็บพลังงานไว้ใช้ได้ดีมากขึ้นจึงไม่จำเป็นต้องให้บ่อยเกินไปค่ะ)

Ref : https://www.petmd.com/dog/conditions/endocrine/c_dg_low_blood_sugar

https://www.dogilike.com/content/vettalk/6759/

2. ยาเห็บหมัดและพยาธิหนอนหัวใจ

ไม่แนะนำ ให้ป้องกันเฉพาะฤดูกาล

แนะนำ ให้ป้องกันเป็นประจำ ตามที่ยาเหล่านั้นกำหนด เพื่อป้องกันโรคที่จะมากับเห็บหมัด และยุง (พยาธิหนอนหัวใจมียุงเป็นพาหะ) ค่ะ โดยมีทั้งแบบกิน หยอดและฉีดค่ะ โดยแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์และเฝ้าระวังอาการแพ้ยาของสุนัขแต่ละตัวค่ะ

3.แชมพูอาบน้ำและการอาบน้ำ

ไม่แนะนำ ให้อาบน้ำทุกอาทิตย์ เพราะจะทำให้ผิวแห้ง และเกิดปัญหาโรคผิวหนังตามมา อีกทั้งไม่แนะนำให้โกนขนสุนัขเพราะขนสุนัขมีประโยชน์ทั้งกันไม่ให้ความร้อนเข้าตัว และทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่คงที่ค่ะ การที่โกนขนออกไปจะทำให้แสงอาทิตย์กระทบกับผิวโดยตรงและทำให้เกิดปัญหาตามมาค่ะ

และไม่แนะนำ ให้ใช้แชมพูคน(pH ของแชมพูคนอยู่ที่ 4.5-5.5 ซึ่งจะมีภาวะเป็นกรดต่อสุนัขทำให้ขนและผิวหนังของสุนัขแห้ง) หรือแชมพูที่มีทะเบียนยาสัตว์ควรใช้ตามสัตวแพทย์แนะนำ

แนะนำ สุนัขชิบะค่อนข้างเป็นสุนัขรักสะอาดจึงไม่ต้องอาบน้ำบ่อยแนะนำที่เดือนละ 1 ครั้ง หรือมากที่สุดแนะนำ 2 อาทิตย์ต่อครั้งค่ะ ป้องกันไม่ให้ผิวแห้งและปัญหาโรคผิวหนังตามมา และอย่าลืมเป่าให้แห้งสนิททุกครั้ง วิธีสังเกตอย่างง่ายคือใช้มือของเราลูบเข้าไปถึงขนด้านในที่ติดผิวหนังถ้าเรารู้สึกชื้นให้เป่าอีกรอบค่ะ

และแนะนำ ให้ใช้แชมพูที่มีค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับสุนัขซึ่งอยู่ที่ 7.5 ค่ะ

Ref : https://earthbath.com/canine-health/what-makes-a-quality-dog-shampoo/

http://www.twellwishes.com/เครื่องมือวัด/ความสำคัญของค่า-ph-และการวัด-ph.html

4.เชือกจูง สายจูง และที่รัดอก

ไม่แนะนำ ให้ใช้ที่รัดอกหรือ harness หากไม่สามารถคุมสุนัขได้ โดยการใช้ที่ถูกต้องสุนัขจะต้องอยู่ข้างลำตัวไม่ดึงตัวเองไปข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ขาหลังมีปัญหาต่อมาค่ะ (อ่านโรคข้อสะโพกเสื่อมได้ที่นี่)

(https://caninespirit.com.au/products/ruffwear-front-range-dog-harness)

รูปนี้คือตัวอย่างที่ถูกต้องในการใช้ harness ค่ะ สังเกตุว่าน้องจะอยู่ข้างลำตัวผู้จูง

แนะนำ ให้ใช้ปลอกคอ **ข้อควรระวัง ห้ามใส่ปลอกคอให้หลวมคือให้ใส่โดยเราสอดนิ้วเราสองนิ้วว่าลอดได้มั้ยพอค่ะ มิฉะนั้นเวลาน้องดึงจะหลุดและอาจจะเกิดอันตรายเช่น วิ่งหนีหายไป หรือถูกรถชนค่ะ

หรือใช้เชือกที่สามารถทำเป็นสายจูงในตัวได้เลย สายจูงคล้องคอ หรือเชือกจูงแบบอื่นๆ

**ข้อแนะนำ หากลูกสุนัขไม่อยากเดินไม่แนะนำให้ลาก เพราะน้องอาจจะยังไม่เคยชินกับสายจูง ให้ค่อยๆ ใช้เวลากับเค้าให้เคยชิน และให้ขยับปลอกคอ หรือเชือกไว้ใต้คางจะเป็นตำแหน่งที่ไม่ทำให้เดินคอแล้วลูกสุนัขจะไอค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ สักพักลูกสุนัขจะเรียนรู้ว่าไม่ควรดึงแรงจะเจ็บด้วยค่ะ

(https://dogs.lovetoknow.com/wiki/Canine_Anatomy_Illustrations)

***ทั้งนี้ทั้งนั้นห้ามดึงแรงนะคะ เนื่องจากอาจจะทำให้กระทบกับอวัยวะภายในและอวัยวะข้างเคียงได้ เช่น หลอดลม กล้ามเนื้อคอ เป็นต้น และหลังจากฝึกให้น้องไม่ลากได้แล้วแนะนำให้เปลี่ยนเป็น Harness เพื่อป้องกันอวัยวะสำคัญค่ะ

5.ชาม

ไม่แนะนำ ให้ใช้ชามพลาสติกเพราะลูกสุนัขอาจจะกัดและกินเศษพลาสติกเข้าไปได้ค่ะ

แนะนำ ชามแสตนเลสแบบมีขาติดกับกรงค่ะ เพื่อจะได้ปรับระดับให้น้องไม่ต้องก้มมากค่ะ

6.กรง คอก

ไม่แนะนำ ให้เลี้ยงสุนัขให้เดินไปไหนในพื้นที่บ้านก็ได้ เพราะอาจจะทำให้น้องเจอสัตว์มีพิษกัด หรือไปกัดสิ่งที่ทำให้เป็นอันตราย เช่น สายไฟ หรือของมีคมอื่นๆ อีกทั้งยิ่งเป็นการทำให้ลูกสุนัขไม่รู้ว่าตรงไหนคือพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง หากคิดง่ายๆ เหมือนอย่างคนเราก็มีห้องส่วนตัว เมื่อต้องการนอน พักผ่อน หรือมีเวลาส่วนตัว สุนัขก็เช่นเดียวกันค่ะ **แต่ต้องปล่อยเป็นเวลา มีเวลาเป็นตารางประจำวันให้สุนัขรู้ว่าจะได้ออกไปทำกิจกรรมตอนไหน หรือจะได้ออกไปขับถ่ายตอนไหน

แนะนำ ให้หาคอก กรง สำหรับเป็นพื้นที่ให้น้องนอน เข้ากรง/คอก เผื่อเจ้าของต้องการออกไปข้างนอก หรือมีการต่อเติมบ้าน ซ่อมเครื่องใช้ในบ้าน สุนัขจะได้ไม่เกิดอันตราย และยังทำให้ลูกสุนัขรู้ว่าคอก/กรง คือบ้านของเค้าค่ะ และเวลาอยู่ในกรง/คอก คือเวลาที่เค้าต้องรอ หรือนอนพักค่ะ แนะนำให้คอกสูงประมาณ 1 เมตร จะดูไม่อึดอัดและทำให้น้องปีนยากขึ้นด้วยค่ะ

7.แผ่นกันลื่น

ไม่แนะนำ ให้สุนัขอยู่บนพื้นลื่น หากพื้นที่ในบ้านกว้าง ไม่แนะนำให้เล่นให้สุนัขวิ่งไล่กวด ไล่บอล หรืออื่นๆ ภายในบ้าน ควรเล่นนอกบ้านหรือบริเวณพื้นที่ไม่ลื่น เพราะจะทำให้ขามีความเสี่ยงที่ข้อสะบ้า หรือสะโพกจะมีปัญหาค่ะ (เรื่องข้อสะโพกสะบ้าค่ะ)

แนะนำ หากพื้นที่ภายในบ้านเป็นกระเบื้องให้ปูแผ่นกันลื่น

8.กรรไกรตัดเล็บ

หากไม่เคยมีประสบการณ์แนะนำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดให้นะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัดโดนเนื้อของสุนัขค่ะซึ่งจะทำให้เลือดไหลไม่หยุดหากไม่มีผงห้ามเลือด หรือวิธีห้ามเลือดอย่างถูกวิธี แต่สุนัขบางตัวมีการวิ่งและฝนเล็บตามพื้นปูนทำให้เล็บไม่ยาวก็ไม่ต้องตัดค่า

11.ของเล่น

ไม่แนะนำ ของที่เล็กกว่าปากของสุนัข เพราะสุนัขอาจจะกลืนลงไปทั้งชิ้นและเป็นอันตรายได้ค่ะ

แนะนำ สินค้าที่ปลอดภัยสำหรับสุนัข โดยอาจจะเป็นสินค้าที่สุนัขกินเข้าไปได้โดยที่ไม่เป็นอันตรายค่ะ

12.ยาสีฟัน (แนะนำให้แปรงทุกวัน)

ไม่แนะนำ ยาสีฟันของคนเนื่องจากมีสารไซลิทอล (Xylitol) ซึ่งเป็นสารให้ความหวานชนิดหนึ่ง ซึ่งสารชนิดนี้เป็นสารพิษสำหรับสุนัขทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของสุนัขต่ำลง อีกทั้งยังทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของตับแย่ลงอีกด้วยค่ะ และในยาสีฟันของคนมีสารฟลูออไรด์สูงสำหรับสุนัขซึ่งสารฟลูออไรด์เป็นพิษสำหรับสุนัขควรใช้ภายใต้การกำกับดูแลของสัตวแพทย์ค่ะ

แนะนำ ยาสีฟันสำหรับสุนัข
Ref : https://www.akc.org/expert-advice/health/dog-toothpaste-gets-job-done/

https://www.sfgate.com/homeandgarden/article/Ask-the-vet-Is-fluoride-OK-for-dogs- 3218369.php

13.น้ำยาล้างหู (ล้างอาทิตย์ละครั้งโดยประมาณ)

สิ่งที่คนในบ้านควรทำร่วมกัน

1.สร้างกฏให้เหมือนกัน และปฏิบัติให้เหมือนกันทั้งบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสุนัขสับสนต่อกฏ

2.ห้ามให้อาหารมนุษย์อย่างเด็ดขาด ระบบร่างกายสุนัขและมนุษย์ไม่เหมือนกัน จะทำให้สุนัขป่วยและอายุสั้นลง

3.ห้ามให้ขนมจนเกินความจำเป็น เพราะสุนัขจะไม่ยอมกินอาหารตัวเอง

ข้อควรระวัง

***เมื่อพาลูกสุนัขเข้าบ้านแล้วอย่าเพิ่งอาบน้ำ หรือพาออกข้างนอก เพราะเมื่อสุนัขย้ายที่อยู่ภูมิคุ้มกันจะตกเนื่องจากความเครียด

***ห้ามพาลูกสุนัขออกนอกบริเวณบ้านหากยังได้รับวัคซีนรวมไม่ครบ เนื่องจากเราไม่อาจทราบได้เลยว่า สุนัขอื่นๆ ได้รับวัคซีนหรือไม่ หรือป่วยเป็นอะไรหรือไม่

1.ความร้อน สุนัขชิบะเป็นสุนัขที่มีขนสองชั้นและชั้นในจะแน่น ซึ่งทำหน้าที่ทั้งกันความร้อนเข้าและออก จึงทำให้ต้องระมัดระวังในการพาออกกำลังกาย หรือแม้แต่ที่อยู่ของสุนัขเอง และไม่แนะนำให้อยู่แอร์ 24 ชั่วโมง เพราะสุนัขอาจจะอยู่ในสภาพอากาศปรกติไม่ได้ (ยกเว้นวันที่ร้อนจัดหรือมากกว่า 32 องศาจากที่สังเกตด้วยตัวผู้เลี้ยงเอง)

2.เวลาในการออกกำลัง ขึ้นอยู่กับสภาพของตัวสุนัข สภาพอากาศในขณะที่ออกกำลังกายค่ะ หากพบว่าสุนัขมีอาการหอบมากกว่าปรกติให้รีบพาเข้าที่ร่มและให้สุนัขดื่มน้ำ รวมไปถึงอยู่ในที่อากาศถ่ายเทค่ะ

3.สายจูงหลวม อาจจะทำให้หลุดหายหรือเกิดอุบัติเหตุ

4.เมื่อเข้ากรงแนะนำให้ถอดปลอกคอออก เพราะเนื่องจากอาจเกิดอุบัติเหตุจากปลอกคอและสุนัขบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตาย

5.เวลาพาไปโรงพยาบาลสัตวืแนะนำให้อุ้มน้องหรือใส่รถเข็น เนื่องจาก